ระบบนิเวศเชิงอุตสาหกรรมของหนี้นอกระบบและอาชญากรรมทางการเงิน (An industrial ecosystem of informal loans and financial crimes)

104 views

เมื่อพูดถึง "หนี้นอกระบบ" หลายคนอาจนึกถึงแค่ปัญหาการเงินส่วนบุคคล หรือการทวงหนี้ด้วยความรุนแรงดังที่ปรากฏในข่าว แต่ความจริงแล้ว ปรากฏการณ์นี้ร้ายแรงกว่านั้นมาก เพราะมันคือ วงจรอาชญากรรมแบบครบวงจร มีเครือข่ายเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ ซึ่งไม่มีผู้ใดควบคุมแต่เชื่อมโยงกันโดยกลไกตลาด มีผู้ซื้อบริการ ผู้ขายบริการ ตลอดห่วงโซ่ ทำให้ยากต่อการติดตามและดำเนินการกับผู้กระทำผิดที่กระจายตัวอยู่ทั่วไป เข้าถึงเหยื่อได้รวดเร็วและทั่วถึง นอกจากนี้ แม้จะจับกุมผู้กระทำความผิดได้ ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบโดยรวม เนื่องจากเป็นเพียงผู้เล่นรายย่อยในตลาด แต่ถึงกระนั้นภาครัฐก็ยังต้องมุ่งมั่นปราบปรามอย่างจริงจังเนื่องจากวงจรอาชญากรรมนี้คุกคามความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

หนี้นอกระบบ กับ วงจรค้ามนุษย์

จากข้อมูลและข่าวสารที่ปรากฏในสื่อต่างๆ พบว่าวงจรหนี้นอกระบบเริ่มต้นจากความจำเป็นทางการเงินอย่างเร่งด่วน หรือ ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบธนาคารได้ จึงต้องพึ่งพาเงินกู้นอกระบบที่มีดอกเบี้ยสูงลิ่วซึ่งเป็นการให้กู้ในลักษณะแสวงหาประโยชน์จากผู้เปราะบาง (predatory lending) และผิดพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา [1] และเมื่อผู้กู้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด วงจรแห่งความรุนแรงก็เริ่มต้นขึ้น เริ่มจากการทวงหนี้ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การข่มขู่ด้วยวาจา แต่ลุกลามไปถึงการใช้ความรุนแรง การทำร้ายร่างกาย และในกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือ การลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่ แสดงให้เห็นว่าผู้ปล่อยกู้มิได้มองลูกหนี้เป็นเพียงคู่สัญญา แต่เป็น "เหยื่อ" ที่สามารถถูกเอารัดเอาเปรียบได้เพื่อผลกำไร [2, 3]

หลังจากลักพาตัวเหยื่อมาแล้ว ผู้ลักพาตัวต้องพยายามจัดการให้คุ้มค่าที่สุด คือ optimize ตามหลักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งวิธีการคือ หากลูกหนี้มีเงินจ่ายค่าไถ่ทันทีตามที่เรียก ก็เป็นสัญญาณให้เรียกเงินเพิ่มขึ้น และปล่อยตัวเมื่อตกลงค่าไถ่กันได้ แต่หากลูกหนี้ ไม่มีเงินจ่าย ณ ผู้ลักพาตัวอาจพิจารณาขายเหยื่อเข้าสู่ "ระบบค้ามนุษย์" ต่อไป [4] ดังนั้น ผู้ลักพาตัวจะปล่อยตัวก็ต่อเมื่อได้ค่าไถ่สูงกว่าราคาตลาดหลังหักลบต้นทุนธุรกรรมที่เกี่ยวข้องแล้ว (transaction costs) เช่น การเจรจาราคา ความเสี่ยงคู่ค้า ความเสี่ยงทางกฎหมาย

ผู้รับซื้อในโครงข่ายการค้าและลักพาตัวบุคคลมักเป็นองค์กรอาชญากรรมที่มีเป้าหมายในการแสวงหาผลประโยชน์ผ่านการบังคับใช้แรงงานผิดกฎหมาย ผู้เสียหายจึงถูกนำไปใช้ในกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติต่างๆ เช่น ทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ [5] ขนส่งยาเสพติด เป็นนักทวงหนี้ เพื่อไปข่มขู่และใช้ความรุนแรงกับเหยื่อรายใหม่ หรือแม้แต่ช่วยงานลักพาตัวเหยื่อรายอื่นต่อไป ทำให้วงจรนี้ไม่มีวันสิ้นสุดและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง [6]

ทั้งหมดนี้หมายความว่าผู้ที่เป็นเหยื่อจากหนี้นอกระบบไม่เพียงแต่สูญเสียอิสรภาพและชีวิต แต่ยังมีโอกาสสูงที่จะถูกบังคับให้กลายเป็น "ผู้กระทำผิด" ในการทำร้ายคนอื่นต่อไปด้วยดังแสดงในแผนภาพด้านล่าง และเห็นว่าแทบไม่มีโอกาสหลุดจากวัฏจักรนั้น


ระบบนิเวศของอาชญากรรมที่แบ่งงานตามความถนัด

วงจรหนี้นอกระบบนี้ไม่ได้ถูกควบคุมโดยคนหรือกลุ่มคนใดกลุ่มคนหนึ่ง แต่ได้วิวัฒนาการเป็นระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่มีการแบ่งงานกันอย่างเป็นระบบผ่านกลไกการเสนอซื้อเสนอขายเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งระบบดังกล่าวผู้เขียนได้ใช้ข้อมูลจากหลากหลายแหล่งเพื่อนำมาสังเคราะห์ ได้แก่ รายงานข่าวและสารคดีที่เปิดเผยความเชื่อมโยงระหว่างบริษัท Huione กับเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ [7, 8] ประกอบกับกรณีศึกษาเชิงประจักษ์จากผู้รู้จักซึ่งมีหลานถูกลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่ในช่วงเวลาที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าระบบนี้ประกอบด้วยกลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ดังนี้:

* กลุ่มปล่อยกู้และทวงหนี้: ทำหน้าที่หาเหยื่อและเรียกเก็บหนี้

* กลุ่มลักพาตัว: มีความเชี่ยวชาญในการลักพาตัวและควบคุมตัวประกัน

* กลุ่มค้ามนุษย์: มีเครือข่ายในการส่งตัวเหยื่อข้ามประเทศ

* กลุ่มอาชญากรรม: เป็นผู้รับเหยื่อไปทำงานผิดกฎหมายในรูปแบบต่างๆ

* กลุ่มฟอกเงิน (Money Laundering): ทำหน้าที่จัดการเงินที่ได้มาจากการทำผิดกฎหมายให้กลายเป็นเงินที่ถูกกฎหมาย

* กลุ่มข้อมูล (Data Service): จัดหาข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อเพื่อใช้ในการทวงหนี้หรือหลอกลวง

การที่แต่ละกลุ่มทำงานร่วมกันแต่ไม่จำเป็นต้องรู้จักกันทั้งหมด ทำให้ยากต่อการสืบสวนและปราบปรามของเจ้าหน้าที่ [9] เพราะเมื่อปราบปรามไปหนึ่งส่วน อีกส่วนก็จะสามารถปรับเปลี่ยนตัวเองและหาพันธมิตรใหม่ได้อย่างรวดเร็ว


ยุทธศาสตร์การปราบปรามหนี้นอกระบบ

การปราบปรามหนี้นอกระบบจึงไม่ใช่แค่การเพิ่มโอกาสทางการเงินให้คนเพียงกลุ่มหนึ่ง แต่คือการทลายเครือข่ายอาชญากรรมขนาดใหญ่ที่ทำร้ายผู้คนจำนวนมากทั้งในไทยและต่างประเทศ การดำเนินการของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหานี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายหลักคือการตัดวงจรอาชญากรรมนี้ให้ขาดออกจากกันอย่างแท้จริง

แต่เมื่อพิจารณาจากความซับซ้อนและขนาดของเครือข่ายอาชญากรรมทางการเงินและการค้ามนุษย์ดังที่กล่าวมาข้างต้น อาจทำให้เกิดคำถามว่า เราจะสามารถหยุดยั้งอาชญากรรมเหล่านี้ได้จริงหรือไม่ เมื่อดูเหมือนว่าปัญหาจะใหญ่โตและท้าทายเกินกว่าจะแก้ไขได้

แต่ทั้งนี้ประเทศไทยยังพอจะมีความหวัง หากเราถอดบทเรียนจากอเมริกาที่น่านำมาประยุกต์ใช้ นั่นคือ ทฤษฎี "Broken Windows" ของ Wilson และ Kelling (1982) [10] ที่ตีพิมพ์ใน The Atlantic Monthly ซึ่งชี้ให้เห็นว่าการปล่อยปละละเลยความผิดเล็กน้อยจะนำไปสู่อาชญากรรมร้ายแรงขึ้น เนื่องจากความไร้ระเบียบในสังคมจะเป็นการสื่อสารว่า "ไม่มีใครสนใจ" และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการกระทำผิด ดังนั้น การหยุดอาชญากรรมร้ายแรง สามารถเริ่มต้นจากการเข้มงวดกับการกระทำผิดที่ถูกมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย

ในรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ช่วงทศวรรษ 1990 ภายใต้การนำของ Police Commissioner William Bratton และ Mayor Rudy Giuliani ได้นำทฤษฎีนี้ไปประยุกต์ใช้ โดยบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดต่อความผิดเล็กน้อย เช่น การโกงค่าโดยสารรถไฟใต้ดิน การขีดเขียนกราฟฟิตี (graffitti) และการดื่มสุราในที่สาธารณะ ส่งผลให้อัตราอาชญากรรมในนิวยอร์กลดลงอย่างมีนัยสำคัญ [11] แม้ว่าจะมีการถกเถียงเกี่ยวกับความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ (Harcourt & Ludwig, 2006) [12] แต่หลักการก็ดูจะมีเหตุผลและสร้างประโยชน์มากกว่าโทษ คือ การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและสม่ำเสมอต่อความผิดเล็กน้อยสามารถสกัดกั้นอาชญากรรมร้ายแรงได้ โดยเฉพาะเมื่อผู้กระทำความผิดเล็กน้อยเหล่านั้นมักเป็นส่วนหนึ่งของระบบอาชญากรรมที่ใหญ่ขึ้น เป็นการเพิ่มต้นทุนและความเสี่ยงในทุกระดับของการกระทำผิด และกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญในการทำลายโครงสร้างอาชญากรรมตั้งแต่ฐานราก ในกรณีของประเทศไทย ด้วยทรัพยากรการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างจำกัด ควรเริ่มต้นจากการเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายต่อความผิดที่มีลักษณะเปิดเผย ตรวจพบได้ง่าย (ต้นทุนต่ำ) และส่งผลกระทบต่อสาธารณะโดยตรงและทันที นั่นคือ นั่นคือ การละเมิดกฎจราจร ซึ่งเป็นความผิดที่สังเกตได้ชัดเจน ตรวจสอบได้ง่าย โดยเฉพาะการละเมิดกฎจราจรอย่างร้ายแรง เช่น การขับขี่ด้วยความเร็วสูงเกินกำหนด การแซงซ้าย และการฝ่าฝืนสัญญาณจราจร ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่พบได้น้อยในพลเมืองผู้เคารพกฎหมาย และมีความเชื่อมโยงกับการก่ออาขญากรรมร้ายแรง

งานวิจัยหลายชิ้นได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างการฝ่าฝืนกฎจราจรกับอาชญากรรมร้ายแรง ตัวอย่างเช่น การศึกษาของ Koper และ Mayo-Wilson (2006) พบว่าการตรวจจับรถที่ฝ่าฝืนกฎจราจรสามารถนำไปสู่การจับกุมผู้มีอาวุธผิดกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ [13] นอกจากนี้ ยังมีกรณีศึกษาที่โด่งดังหลายกรณี เช่น การจับกุม Timothy McVeigh ผู้ก่อเหตุระเบิดในโอคลาโฮมาซิตี้ จากการหยุดตรวจเพราะขาดป้ายทะเบียนรถ (ปี 1995) และ Ted Bundy ฆาตกรต่อเนื่อง ที่ถูกจับครั้งแรกจากการตรวจรถ (ปี 1975) ซึ่งสนับสนุนข้อสังเกตว่าผู้ฝ่าฝืนกฎจราจรมักมีแนวโน้มเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมที่ร้ายแรงกว่าพลเมืองทั่วไป

นอกจากนี้ ยังต้องดำเนินการควบคู่ไปกับมาตรการอื่นๆ ที่ดำเนินการอยู่แล้วแล้วได้ผลค่อนข้างดี ได้แก่ การปราบปรามผู้ก่ออาชญากรรมทางการเงินอย่างเด็ดขาด เพื่อสร้างความเกรงกลัวและไม่ให้ผู้กระทำผิดกลับมาทำซ้ำ การช่วยเหลือลูกหนี้ ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบที่ถูกกฎหมาย และการให้ความรู้แก่ประชาชน เพื่อให้ไม่ตกเป็นเหยื่อของวงจรที่โหดร้ายนี้อีกต่อไป [14]

การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบจึงเป็นการต่อสู้กับอาชญากรรมที่ซับซ้อน ซึ่งต้องอาศัยทั้งการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด การป้องกันเชิงรุก และการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่สังคมโดยรวม

อ้างอิง (Citations)

  1. TMBThanachart Bank. "สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan) อัตราดอกเบี้ยถูกกฎหมาย เท่าไหร่?" https://www.ttbbank.com/th/fin-tips/detail/pl-legal-loan-interest-guide
  2. Royal Thai Police. (2023). โครงการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ. Retrieved from Royal Thai Police Website.
  3. United Nations Office on Drugs and Crime (UNODC). (2022). Global Report on Trafficking in Persons. UNODC.
  4. U.S. Department of State. (2023). Trafficking in Persons Report: Thailand.
  5. Reuters. (2022, November 1). Thailand, Myanmar bust scam call centers operating on border. Reuters.
  6. Interpol. (2021, July 14). Human trafficking and cybercrime are increasingly linked. Interpol.
  7. Al Jazeera Investigative Unit. (2023). "UN says hundreds of thousands trafficked into SE Asia online scam centres." Al Jazeera. https://www.aljazeera.com/news/2023/8/29/un-says-thousands-trafficked-into-southeast-asia-online-scam-centres
  8. BBC News. (2025). "'I need help': Freed from Myanmar's scam centres, thousands are now stranded" BBC News. https://www.bbc.com/news/articles/c5yr7j18edjo
  9. The Economist. (2024, May 18). The modern slavery business. The Economist.
  10. Wilson, J. Q., & Kelling, G. L. (1982). "Broken Windows: The police and neighborhood safety." The Atlantic Monthly, 249(3), 29-38.
  11. Kelling, G. L., & Sousa, W. H. (2001). "Do Police Matter? An Analysis of the Impact of New York City's Police Reforms." Civic Report No. 22, Manhattan Institute.
  12. Harcourt, B. E. (2001). Illusion of Order: The False Promise of Broken Windows Policing. Harvard University Press.
  13. Koper, C. S., & Mayo-Wilson, E. (2006). "Police crackdowns on illegal gun carrying: A systematic review of their impact on gun crime." Journal of Experimental Criminology, 2(2), 227-261.
  14. Bank of Thailand. (2023). แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างยั่งยืน. Bank of Thailand Website.
ธัญมัชฌ สรุงบุญมี
อาจารย์ประจำ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น สนใจเศรษฐศาสตร์แรงงาน พฤติกรรม ชอบใช้เศรษฐศาสตร์เชื่อมโยงงานวิจัยเข้ากับชีวิตจริง ชอบสอนและตรวจการบ้าน