ปัญหาสินค้าจีนทะลักและผลกระทบต่อแรงงานรวมไปถึงผู้ประกอบการ

27 views

ปัญหาสินค้าจีนทะลักกลายเป็นประเด็นความสนใจอย่างมากในเชิงธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ และยังกระทบต่อการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ของธุรกิจ ตั้งแต่การบริหารองค์กร จนไปถึง การจ้างแรงงานในภาคธุรกิจ ดังสะท้อนได้จากในช่วงปี 2017 ถึง 2023 การนำเข้าสินค้าจากจีนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 8.16% ต่อปี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบที่เพิ่มขึ้น 22.13% และ 17.42% ตามลำดับ จึงส่งผลกระทบให้ผู้ประกอบการไทยต้องเจอกับการแข่งขันทางการค้าที่รุนแรงขึ้น (ฐิตะดิลก วรพักตร์, 2024)

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ภาครัฐจำเป็นต้องดำเนินนโยบายอย่างเหมาะเพื่อรับมือปัญหาสินค้าจีนทะลักเข้ามาตลาดในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินค้าอุปโภคบริโภคต่าง ๆ อาทิ เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ และสินค้าใช้สอยภายในบ้าน เรื่องดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นจากความสามารถในการแข่งของประเทศไทยที่ลดลง เพราะปัญหาสินค้าจีนทะลักดังกล่าวเกิดขึ้นในหลายภูมิภาคทั่วโลก รวมไปถึงในตลาดอาเซียนด้วย และปัจจัยสาเหตุหลักเกิดขึ้นจากสถานการณ์ภายในของประเทศจีน โดยเฉพาะกำลังการซื้อในตลาดจีนลดลงพร้อม ๆ กับการมีกำลังการผลิตมหาศาล รวมไปถึงความไม่แน่นอนในสงครามการค้าในตลาดโลก (อาชนัน เกาะไพบูลย์, 2024; ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, 2025)

ดังนั้น บทความนี้จะนำเสนอแบบจำลองเศรษฐศาสตร์อย่างง่ายเพื่อให้เข้าใจลักษณะปัญหาดังกล่าวและนำเสนอผลการศึกษาที่เกี่ยวกับผลกระทบจากการนำเข้าสินค้าจีนต่อตลาดแรงงาน

แบบจำลองการค้าระหว่างประเทศ

แบบจำลองการค้าระหว่างประเทศที่ผู้อ่านคุ้นเคยกันดี คือ แบบจำลองของ David Ricardo ซึ่งตั้งอยู่บนสมมติฐานที่แต่ละประเทศมีความถนัดในการผลิตสินค้าแตกต่างกันไป ทำให้ประเทศนั้นได้ประโยชน์จากการค้าระหว่างประเทศ

ยกตัวอย่าง ประเทศหนึ่งมีความถนัดในเชิงเปรียบเทียบ (Comparative Advantage) ในการผลิตข้าว แต่ไม่ถนัดการผลิตเสื้อผ้า ในกรณีที่ไม่มีการค้าระหว่างประเทศแล้ว ประเทศนั้นจะผลิตสินค้าทั้งสองชนิดและบริโภคสินค้าที่ผลิตแสดงให้เห็นที่จุด A ขณะที่กรณีที่มีการค้าระหว่างประเทศ ราคาเสื้อผ้าจะถูกลงเนื่องจากสามารถนำเข้าได้ในราคาที่ถูกกว่า ดังนั้น ประเทศนั้นจึงเลือกผลิตข้าวเท่านั้นที่จุด B และ บริโภคที่จุด C จะสังเกตได้ว่าประเทศนั้นได้ประโยชน์จากการค้าระหว่างประเทศ (Feenstra and Taylor, 2012) (รูปที่ 1)


รูปที่ 1 การค้าระหว่างประเทศตามแบบจำลอง David Ricardo

ขณะที่แบบจำลอง Factor-Specific Model สามารถช่วยวิเคราะห์ผลกระทบของการค้าระหว่างประเทศต่อการใช้ปัจจัยการผลิตแต่ละประเภท ในรูปที่ 2 กำหนดให้ประเทศหนึ่งต้องใช้แรงงานและที่ดินในการผลิตข้าว ในขณะที่ต้องใช้แรงงานและเครื่องจักรในการผลิตเสื้อผ้า สมมติให้แรงงานสามารถย้ายสาขาการผลิตได้อย่างอิสระ และการเปิดการค้าระหว่างประเทศส่งผลให้ประเทศส่งออกข้าวได้มากขึ้น (มีความได้เปรียบในปัจจัยการผลิตในการผลิตข้าวเมื่อเทียบกับต่างประเทศ) ขณะที่ไม่สามารถส่งออกเสื้อผ้าไปแข่งในตลาดโลกได้ (ไม่มีความได้เปรียบในปัจจัยการผลิตในการผลิตเสื้อผ้าเมื่อเทียบกับต่างประเทศ)

ตัวอย่างข้างต้น สินค้าส่งออก (ข้าว) จะนำผลประโยชน์ในการใช้ปัจจัยการผลิตภายในประเทศเพิ่มขึ้นและได้รับราคาขายข้าวสูงขึ้น (ใช้แรงงานในการผลิตข้าวเพิ่มขึ้น) ขณะที่สินค้านำเข้า (เสื้อผ้า) จะเสียประโยชน์อันเนื่องมาจากราคาสินค้าที่เปลี่ยนไปหลังการเปิดการค้าระหว่างประเทศ (ใช้แรงงานในการผลิตเสื้อผ้าลดลง) (Feenstra and Taylor, 2012)

ดังนั้น แบบจำลองดังกล่าวจะสะท้อนว่า แรงงานที่ผลิตสินค้าแข่งขันกับสินค้านำเข้าจีน ย่อมเสียประโยชน์จากปัญหาสินค้าจีนทะลักเข้ามาภายใประเทศ (อาทิ แรงงานตกงานในอุตสาหกรรมสินค้าที่ไม่สามารถแข่งขันกับจีนได้) นัยสำคัญ คือ ปัญหาสินค้าจีนทะลักภายในประเทศสามารถส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานภายในประเทศได้หากประเทศดำเนินการผลิตสินค้าที่แข่งขันกับสินค้านำเข้าจากจีนโดยตรง


รูปที่ 2 การค้าระหว่างประเทศตามแบบจำลอง Factor-Specific Model

สินค้าจีนล้นทะลักส่งผลต่อตลาดแรงงานอย่างไร

Autor et al. (2013) ศึกษาผลกระทบของการนำเข้าสินค้าจีนต่ออุตสาหกรรมการผลิตในสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 1987-2007 เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าว การนำเข้าของสินค้าจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสินค้านำเข้าจีนมีสัดส่วนค่าใช้จ่ายประมาณ 0.6% ในปี 1991 ในขณะที่สัดส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 4.6% ในปี 2007 ในขณะเดียวกัน การจ้างงานในภาคการผลิตก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยสัดส่วนแรงงานในอุตสาหกรรมการผลิตลดลงจาก 12.6% เป็น 8.4% ในช่วงเวลาดังกล่าว

งานวิจัยนี้ศึกษาการนำเข้าสินค้าจีนที่เกิดจากฝั่งอุปทาน (supply-side) เช่น ประสิทธิผลการผลิตของโรงงานจีนที่สูงขึ้น ต้นทุนการส่งออกสินค้าจากจีนไปสหรัฐอเมริกาต่ำลง เป็นต้น โดยใช้เทคนิค Instrumental Variable เพื่อแก้ปัญหาความสัมพันธ์ร่วมกันระหว่างข้อมูล (Endogeneity) ที่เกิดจากพฤติกรรมผู้บริโภคฝั่งอุปสงค์ (demand-side) เนื่องจากสินค้านำเข้าจีนมีราคาถูก ผู้บริโภคย่อมนิยมซื้อสินค้าจีนมากขึ้น ส่งผลให้การนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มสูงขึ้น และการผลิตสินค้าชนิดนั้นในประเทศลดลง ดังแสดงให้เห็นในรูปที่ 3


รูปที่ 3 การศึกษาผลกระทบของการนำเข้าสินค้าจีนต่อการจ้างงานในสหรัฐอเมริกา

นอกจากนี้ ในประเทศฝรั่งเศสก็เจอสถานการณ์เดียวกัน คือ ในช่วงปี 2001-2007 การนำเข้าสินค้าจีนเกิดผลกระทบต่อการจ้างงานทั้งในและนอกภาคอุตสาหกรรมการผลิต แรงงานที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือแรงงานที่มีทักษะในระดับต่ำและระดับปานกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แรงงานทักษะระดับปานกลางในอุตสาหกรรมการผลิต ในขณะที่แรงงานทักษะต่ำในอุตสาหกรรมที่ไม่ต้องแข่งขันกับต่างประเทศ (Non-Tradable Sector) ได้รับผลกระทบเชิงลบจากการนำเข้าสินค้าจีนเช่นเดียวกัน (Malgouyres, 2017)

ในประเทศเม็กซิโก Blyde et al. (2017) พบว่า สินค้านำเข้าจีนส่งผลกระทบให้จำนวนการจ้างงานลดลง ร้อยละ 7.6 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มแรงงานที่ไม่ได้จบในระดับอุดมศึกษาที่อยู่ในอุตสาหกรรมการผลิต และเช่นเดียวกัน ในประเทศอิตาลี Citino and Linarello (2022) พบว่า การจ้างงานเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการผลิตลดลงจากการนำเข้าสินค้าจีน และแรงงานที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวย้ายไปทำงานในอุตสาหกรรมที่ไม่ต้องแข่งขันกับต่างประเทศ (Non-Tradable Sector)

ปัญหาสินค้าจีนล้นทะลักในมุมมองผู้ประกอบการ

ปัจจุบัน สินค้านำเข้าจีนไม่ได้มีผลเฉพาะในอุตสาหกรรมที่พึ่งพาแรงงานราคาถูกหรือเทคโนโลยีต่ำเท่านั้น แต่ยังส่งผลวงกว้างต่ออุตสาหกรรมการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีสูงไปด้วย ดังสะท้อนจากจีนสามารถขยับไปแข่งขันกับสินค้านวัตกรรมในประเทศที่พัฒนาแล้ว ดังเช่น สหรัฐอเมริกาและประเทศในสหภาพยุโรป (Friesenbichler et al. , 2024) การพัฒนาของอุตสาหกรรมจีนที่ก้าวกระโดดมีผลมาจากการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากบริษัทต่างชาติ และการสนับสนุนของรัฐบาลจีนผ่านเงินอุดหนุน รวมทั้ง งบประมาณการลงทุนของภาครัฐในช่วงปี 2007-2018 เงินอุดหนุนจากรัฐบาลให้กับบริษัทจีนที่จดทะเบียนเพิ่มขึ้นประมาณ 7 เท่า หรือเพิ่มขึ้นจาก 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปสูงถึง 29 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (Branstetter et al., 2023)

Bloom et al. (2016) พบว่า ในสหภาพยุโรป บริษัทที่ผลิตสินค้าคู่แข่งกับสินค้านำเข้าจากจีนได้รับผลกระทบเชิงลบ เช่น กำไรของบริษัทลดลง การจ้างงานลดลง และสัดส่วนการจ้างงานของแรงงานไร้ฝีมือลดลง โดย บริษัทหลายรายจึงต้องปรับกลยุทธ์โดยเน้นไปที่การพัฒนานวัตกรรม การจ้างงานของแรงงานที่มีฝีมือ รวมไปถึงการลดราคาสินค้าเพื่อแข่งขันกับสินค้านำเข้าจีน

ยกตัวอย่าง บริษัทต่าง ๆ ในโลกต่างพยายามปรับตัวต่อภาวะสินค้านำเข้าจากจีน อาทิ ในประเทศเบลเยียม บริษัทหลายรายที่มีเทคโนโลยีระดับต่ำจำเป็นต้องหันมาพัฒนาระดับเทคโนโลยีให้สูงขึ้น เพื่อลดผลกระทบของสินค้านำเข้าจากจีน (Mion & Zhu, 2013) และเช่นเดียวกัน ในประเทศญี่ปุ่น บริษัทญี่ปุ่นที่ผลิตเพื่อส่งออกยังคงสามารถสะสมนวัตกรรมความรู้ต่าง ๆ ได้เพิ่มขึ้น และสามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบทางลบจากสินค้านำเข้าจากจีน ขณะที่บริษัทญี่ปุ่นที่เน้นขายในประเทศกลับได้รับผลกระทบทางลบจากการนำเข้าสินค้าจีนมากกว่า (Yamashita & Yamauchi, 2020)

ในประเทศไทย Zhi et al. (2019) พบว่า ในปี 2003-2006 ถึงแม้สินค้านำเข้าจีนจะไม่ได้มีผลต่อการจ้างงานและค่าจ้างโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ แต่ผลกระทบเชิงลบตกอยู่กับบริษัทที่มีประสิทธิภาพการผลิตต่ำ เช่น การจ้างงานลดลง และสัดส่วนรายได้แรงงานลดลง อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากกรมโรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม พบข้อเท็จจริงสำคัญ คือ ในปี 2024 (มกราคม-กรกฎาคม) มีโรงงานปิดตัวจำนวนมากถึง 1,200 โรงงาน โดยเฉพาะส่วนใหญ่เป็นโรงงานขนาดเล็กที่มีลูกจ้างไม่เกิน 50 คน หรือเกิดผลการว่างงานจำนวน 35,000 คน เรื่องดังกล่าวสามารถบ่งชี้ผลกระทบของสินค้านำเข้าจากจีนได้ระดับหนึ่ง และชี้ว่าสินค้าที่ผลิตในไทยส่วนใหญ่มีลักษณะใกล้เคียงกับสินค้านำเข้าจากจีน (Thai PBS, 2024; BBC, 2025)

บทสรุป

สินค้าจีนล้นทะลักตลาดเป็นปัญหาผลกระทบวงกว้างและเกิดขึ้นในหลายภูมิภาคทั่วโลก และเรื่องดังกล่าวไม่ได้เกิดจากความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย (อาชนัน เกาะไพบูลย์, 2024) แต่เกิดจากนโยบายรัฐของจีนที่ต้องการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิต (BBC, 2025) หรือกล่าวได้ว่า สินค้านำเข้าจีนที่เพิ่มขึ้นเกิดขึ้นจากฝั่งอุปทาน (Supply-Side) มากกว่าฝั่งอุปสงค์ (Demand-Side) และสิ่งสำคัญ คือ สินค้านำเข้าจีนส่งผลให้การจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมการผลิตลดลง โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานที่ไม่ได้จบในระดับอุดมศึกษา และยังสามารถกระทบต่อการจ้างงานนอกภาคอุตสาหกรรมการผลิตได้ด้วย

วิธีการรับมือกับปัญหาสินค้าจีนล้นทะลักในตลาดประเทศไทย คงต้องเน้นการแข่งขันที่เป็นธรรมและป้องกันการนำเข้าสินค้าผ่านช่องทางผิดกฎหมาย การบังคับใช้มาตรฐานสินค้าของไทยกับสินค้านำเข้าจากจีน การปกป้องอุตสาหกรรมที่เป็นยุทธศาสตร์ของชาติและอาจได้รับผลกระทบจากการนำเข้าสินค้าจีน การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การสนับสนุนการซื้อสินค้าไทยรวมไปถึงกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และการส่งเสริมผู้ประกอบการไทยที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดเล็กที่ปรับตัวกับสถานการณ์ได้ยากกว่า เป็นต้น (อาชนัน เกาะไพบูลย์, 2024); KKP Advice Center, 2024; ฐิตะดิลก, 2024; Thai PBS, 2024)

ในอนาคต รัฐบาลจำเป็นต้องใช้นโยบายที่เฉพาะเจาะจง เพื่อสามารถให้ผู้ประกอบการแต่ละกลุ่ม และแรงงานแต่ละกลุ่มสามารถรองรับต่อผลกระทบของปัญหาสินค้าจีนล้นทะลักในตลาด ปัญหาดังกล่าวคงไม่ได้เกิดขึ้นอย่างสั้น ๆ ไม่กี่ปี แต่คงเกิดขึ้นไปหลายปี ดังนั้น การส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรม และการส่งเสริมทักษะแรงงานจึงเป็นทางออกให้ประเทศไทยสามารถรับมือกับการแข่งขันระหว่างประเทศที่มีความรุนแรงมากขึ้นได้

Acknowledgement

ผู้เขียนขอขอบคุณ ดร.ษิฌา ทับทิมพรรณ์ สำหรับข้อเสนอแนะในการเขียนบทความครั้งนี้

เอกสารอ้างอิง

Angrist, J. D., & Pischke, J. S. (2009). Mostly harmless econometrics: An empiricist's companion. Princeton university press.

Autor, D. H., Dorn, D., & Hanson, G. H. (2013). The China syndrome: Local labor market effects of import competition in the United States. American economic review, 103(6), 2121-2168.

BBC. (2025, May 9). สินค้าจีนจะทะลักเข้ามาขายในไทยมากขึ้นไหม หลังสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ทวีความรุนแรง. https://www.bbc.com/thai/articles/cq800yppg3zo

Bloom, N., Draca M. & Reenen J. V. (2016). “Trade Induced Technical Change? The Impact of Chinese Imports on Innovation, IT and Productivity”, The Review of Economic Studies 83 (1): 87–117.

Blyde, J., Busso, M., Faggioni, V., & Romero, D. (2017). The impact of Chinese competition on Mexican labor outcomes. Banco Interamericano de Desarrollo, Washington, DC. Documento inédito.

Branstetter, L. G., Li, G., & Ren, M. (2023). Picking winners? Government subsidies and firm productivity in China. Journal of Comparative Economics, 51(4), 1186-1199.

Citino, L., & Linarello, A. (2022). The impact of Chinese import competition on Italian manufacturing. Review of International Economics, 30(3), 702-731.

Feenstra, R. C., & Taylor, A. M. (2012). International macroeconomics. Macmillan.

Friesenbichler, K. S., Kügler, A., & Reinstaller, A. (2021). The impact of import competition from China on firm-level productivity growth in the EU (No. 623). WIFO Working Papers.

Friesenbichler K. S., Kügler A., & Reinstaller A. (2024, Feb 8). The tide has turned: EU firm-level productivity growth has started to suffer from Chinese import competition. VOX-EU Column. https://cepr.org/voxeu/columns/tide-has-turned-eu-firm-level-productivity-growth-has-started-suffer-chinese-import

KKP Advice Center. (2024, Sep 19). เมื่อสินค้าจีนบุก ไทยเตรียมรับมืออย่างไร ? https://advicecenter.kkpfg.com/th/kkp-research/e-commerce-fuel-surge-in-chinese-import

Malgouyres, C. (2017). The impact of Chinese import competition on the local structure of employment and wages: Evidence from France. Journal of Regional Science, 57(3), 411-441.

Mion, G., & Zhu, L. (2013). Import competition from and offshoring to China: A curse or blessing for firms?. Journal of International Economics, 89(1), 202-215.

Thai PBS. (2024, Dec. 20). “สินค้าจีน” กระทบไทย ถูกรุกคืบหรือเราไม่ปรับตัว. https://www.thaipbs.or.th/news/content/347379

Yamashita, N., & Yamauchi, I. (2020). Innovation responses of Japanese firms to Chinese import competition. The World Economy, 43(1), 60-80.

Zhi, Y., Bao, D., & Luo, C. (2019). The China effect: Evidence from data at firm level in Thailand. Economic Systems, 43(2), 100700.

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ. (2023). สถิติการค้าของไทยกับประเทศจีนในช่วง 11 เดือน(มกราคม – พฤศจิกายน) ปี 2566.

เกาะไพบูลย์ อาชนัน. (2024, July 2). การไหลบ่าเข้ามาของสินค้าจีน: สถานการณ์และแนวทางการรับมือ. The Standard. https://thestandard.co/thailand-chinese-imports-situation/

ฐิตะดิลก วรพักตร์. (2024, Oct 8). สถานการณ์สินค้านำเข้าจากจีนและมาตรการรับมือปัญหาการทุ่มตลาด. การประชุมคณะกรรมการสายงานเศรษฐกิจและวิชาการ ครั้งที่ 4/2567.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย. (2025, Mar 20). ปี 2568 เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มเติบโตต่ำกว่าเป้าหมายทางการ ตัวแปรสำคัญอยู่ที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ. https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-social-media/Pages/CH-Economic-BLT104-FB-2025-03-20.aspx

กันตพงษ์ วิสารทวรากูล
ศิษย์เก่าคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สนใจเศรษฐศาสตร์ประยุกต์ในแวดวงการเงินและธุรกิจ รวมไปถึง Data Science