ประสบการณ์การใช้ชีวิตในรัฐอลาสก้า

81 views

วันนี้ เราจะพาทุกคนไปสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษในการเดินทางไปทำงานและท่องเที่ยวที่ ณ เมือง Healy ในมลรัฐ Alaska เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติและผู้คนที่แสนอบอุ่น เพราะเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีประชากรอยู่ไม่มาก และอากาศที่หนาวมากทำให้คนส่วนมากกลับมายังเมืองนี้แค่ช่วงซัมเมอร์ที่เป็นฤดูท่องเที่ยวเพื่อมาดำเนินธุรกิจของตนเอง แต่ก็มีคนเพียงบางกลุ่มที่จะใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้ตลอดปีเพราะอากาศหนาวมากในตลอดทั้งปีได้

Culture Shock ในการเยือนต่างประเทศ

วันแรกที่ไปถึงที่สนามบิน Fairbanks International Airport ณ เมืองแฟร์แบงค์ อากาศเย็นสดชื่นและทิวทัศน์ของภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะทำให้รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในหนังสักเรื่อง แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นไปพร้อม ๆ กับหนาวตัวสั่นเพราะเป็นแรกที่มาเจออากาศหนาวเย็นสุดในชีวิตเป็นครั้งแรกในต่างประเทศ หลังจากรับกระเป๋าใบใหญ่จากสนามบินแล้ว ก็ต้องนั่งรถต่อไปยังเมือง Healy ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 2-3 ชั่วโมง กว่าจะถึงที่พักก็ช่วงเย็นแล้ว เลยออกไปซื้อของใช้จำเป็นส่วนตัวและสำรวจพื้นที่รอบ ๆ และประทับใจกับทิวทัศน์สวยงามของทะเลสาบ Otto Lake ที่ล้อมรอบด้วยภูเขา


รูปที่ 1 ทิวทัศน์ในเมือง Healy รัฐอลาสก้า

ณ ร้านสะดวกซื้อ ก็เจอกับ culture shock อย่างแรกเลย คือ ของราคาแพงมาก แพงกว่าทุกประเทศที่เคยไปด้วย เช่น กล้วยลูกละ 30 บาท ย้ำว่าลูกละ 30 บาท ไม่ใช่หวีละ 30 บาท หรือโยเกิร์ตถ้วยละ 100 บาท อย่างไรก็ตาม พอได้ทำงานไปสักพักและได้รับเงินค่าจ้างแล้ว ก็เข้าใจความสมเหตุสมผลของราคาสินค้ากับค่าแรงขั้นต่ำของที่นี้

Culture shock อีกอย่าง คือ คนที่นี่รักษาสิทธิและเวลาของตัวเองอย่างมาก วันหนึ่งเราสแกนนิ้วออกจากงานและ กำลังเก็บของเตรียมกลับบ้านแล้ว แต่เห็นเพื่อนต้องยกของหนักไปที่หลังร้าน เราเลยรีบเสนอตัวเพื่อช่วยยกของด้วย แต่เพื่อนร่วมงานไม่ให้เราช่วย และยังบอกว่า “นอกเหนือเวลางานของคุณแล้ว คุณห้ามทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างเด็ดขาด” ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่คนไทยส่วนมากกลับมองข้ามเรื่องดังกล่าวไป เพราะหลาย ๆ บริษัทในไทยยังคงเอาเปรียบพนักงานดังที่เห็นได้ในข่าวคราวต่าง ๆ

จากประสบการณ์ดังกล่าว การเรียนเศรษฐศาสตร์ในห้องเรียนทำให้เรารู้เพียงข้อมูล แต่ไม่ได้เห็นภาพเหมือนกับที่ได้มาเป็นคนใช้เงินจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การได้ลองใช้ชีวิตที่ต้องทำงานเพื่อได้รับเงินดอลลาร์และจ่ายเงินดอลลาร์ในทุก ๆ วัน จะทำให้รู้ว่าของทุกอย่างไม่ได้แพงอย่างที่คิดหากเทียบกับค่าแรงชาวอเมริกัน ไม่แปลกใจที่ชาวต่างชาติจะทำงานเก็บเงินเพื่อเอามาเที่ยวที่ประเทศไทย

ประสบการณ์เรียนรู้การทำงานในชีวิตจริงครั้งแรก

ในเมือง Healy จะมีธุรกิจท่องเที่ยวหลากหลาย และธุรกิจส่วนมากจะเปิดรับนักท่องเที่ยวและลูกค้าในหน้าร้อนเท่านั้น เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และกิจกรรมท่องเที่ยวต่าง ๆ อาทิ การขับรถ ATV การขี่ม้าชมสถานที่ และการเดินป่า เป็นต้น หรือธุรกิจในเมืองนี้พึ่งพารายได้หลักจากนักท่องเที่ยวเป็นหลัก

เราเลือกมาทำงานในร้านอาหาร Black Diamond Resort Co. ที่เปิดให้บริการกิจกรรมแอดเวนเจอร์และสนามกอล์ฟ และงานที่เราทำก็นับว่าสบายมาก ๆ นั่นคือ การอบขนม โดยที่ร้านอาหารจะมีสูตรขนมให้อยู่แล้ว เราต้องใส่ส่วนผสมทุกอย่างแล้วก็เอาเข้าเตาอบก็พอ และช่วงรอการอบขนม ก็จะเตรียมส่วนผสมเพื่ออบขนมถัดไป

Corn muffin และ Cobbler จะเป็นขนมหลักที่เราต้องทำตลอด ก่อนหน้านี้ เราไม่เคยได้ยินชื่อและเคยกินขนมนี้เลย Corn muffinเป็นมัฟฟินที่ผสมข้าวโพดบดละเอียดลงไปในแป้งเลย ส่วน Cobbler จะคล้าย Pie และ Cake ที่มีผลไม้เบอร์รี่หลาย ๆ ชนิด และเราก็เลยถือโอกาสกินขนมแปลก ๆ ที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน และกลายเป็นประสบการณ์ที่ก้าวออกจาก Comfort Zone ของตัวเอง

หากเราอบขนมได้ปริมาณพอแล้ว เราจะมีเวลาว่างเลยได้ลองไปทำงานอื่น ๆ ไม่ว่าจะสลัดบาร์หรือออกไปเป็น Hostess เพื่อคุยกับลูกค้าที่หน้าร้านได้ ซึ่งเราสังเกตได้ว่า นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยียนเมืองนี้จะมาจากทั่วโลกและตั้งใจมาสัมผัสบรรยากาศในช่วงฤดูร้อนของเมืองนี้เท่านั้น เพราะถ้าเป็นฤดูหนาวแล้ว นักท่องเที่ยวจะต้องอดทบกับสภาพอากาศหนาวเย็นเกินไป ดังนั้น เราจึงมีโอกาสได้ฝึกภาษาอังกฤษไปในตัวจากการมีเวลาว่างแล้วไปคุยกับลูกค้าหน้าร้าน

ในร้านอาหารนี้ เพื่อนร่วมงานทุกคนน่ารักและเป็นกันเอง จึงทำให้สนิทกันเร็ว และการไปทำงานก็เลยไม่เหนื่อย เหมือนไปเล่นกับเพื่อน ๆ ที่หลายหลายสัญชาติ ตั้งแต่เป็นคนอเมริกัน คนโคลอมเบีย คนไต้หวัน และคนเอกวาดอร์ นอกจากเราจะได้พูดภาษาอังกฤษแล้วยังเรียนภาษาสเปนด้วย เสมือนได้ไปอยู่ในเมืองที่หลากหลายวัฒนธรรมไปในตัว (Multicultural city)


รูปที่ 2 บรรยากาศการทำงานและเพื่อนร่วมงาน

วิถีชีวิตของผู้คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว

ลืมบอกว่าที่นี่ชนบทมาก ๆ บริเวณที่พักไม่มีรถสาธารณะ ไม่มีห้าง ไม่มีอะไรเลย มีแต่ธรรมชาติล้วน ๆ ร้านค้าที่ใกล้ที่สุดห่างจากที่พัก 30 นาที และทางร้านอาหารจะมีรถพาไปวันเว้นวัน แต่บางวันอยากออกกำลังกายก็จะเดินไปเองกับเพื่อน ๆ และวันหยุดถือเป็นช่วงเวลาแห่งการผจญภัยและการสำรวจ สถานที่ต่างๆที่น่าสนใจบริเวณใกล้เคียง


รูปที่ 3 วิถีชีวิตในวันหยุด ณ รัฐอลาสก้า

กิจกรรมที่พวกเราชอบทำคือ การเดินป่าใน Denali national park เป็นประสบการณ์ที่ดีและหาไม่ได้ที่ไทยแน่นอน ได้เห็นสัตว์ป่านานาชนิด ทั้งกวางมูส หมีกริซลี่ และนกอินทรี และบริเวณอุทยานแห่งนี้จะมีโรงแรมใหญ่ที่สุดในเมือง และเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและร้านขายของฝากต่าง ๆ ของฝากยอดนิยมก็จะเป็นสิ่งของที่เกี่ยวกับหมีและกวางมูส เพราะสัตว์ทั้งสองชนิดเป็นสัตว์ประจำรัฐนี้ และสินค้าของฝากยอดนิยมอีกอย่างจะเป็นสินค้าที่ถูกสกัดจากพืชท้องถิ่น คือ Fireweed ซึ่งเป็นดอกไม้สีชมพูสวยงามที่เติบโตได้ดีในรัฐ Alaska มีวิตามิน A และวิตามิน C ระดับสูง คนที่นี่มักเอามาสกัดใส่เครื่องดื่ม ใส่น้ำผึ้งหรือขนมอื่น ๆ

เนื่องจากที่นี่มีอากาศหนาวเย็นทำให้วัตถุดิบต่าง ๆ หายากกว่ารัฐอื่นๆในสหรัฐ ฯ จึงต้องพึ่งพาวัตถุดิบจากเมืองอื่นเป็นหลักทำให้ค่าวัตถุดิบแพงขึ้นจากปกติ แต่ผู้คนในเมืองนี้กลับยังอยู่ได้เพราะอุตสาหกรรมเหมือง และการท่องเที่ยวที่เป็นที่พึ่งพาทางเศรษฐกิจของเมืองนี้ ไม่ว่าจะธรรมชาติที่สวยงามหรือกิจกรรมที่หลากหลายต่างก็ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้มาก และแน่นอนว่าการจะมีธรรมชาติสวยงามที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้นั้นต้องเกิดจากการร่วมมือกันอนุรักษ์ไว้ของคนในพื้นที่ เราจะเห็นป้ายได้ตามท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นป้ายห้ามทำร้ายและล่าสัตว์ป่า หรือป้ายห้ามนำขยะเข้าอุทยานก็ตาม

ในเมืองนี้ จะมีพื้นที่กว้างพอและร้านอาหารจำนวนสำหรับนักท่องเที่ยว ดังนั้น ทุกวันหยุด พวกเรามักจะไป Denali national park เสมอเพราะมีกิจกรรมหลากหลายให้ทำและวิวทิศทัศน์ที่สวยจนมองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมาเลือกใช้บริษัททัวร์ที่เสนอกิจกรรมการขี่ม้า (Rafting) และการขึ้นเขา (Hiking) ในรอบอุทยานแห่งนี้ และมีอีกกิจกรรมไฮไลท์ คือ การนั่งเฮลิคอปเตอร์ชมวิว เพื่อสามารถชมวิวสวยที่สุดที่เคยเห็นและคิดว่ายากที่จะหาวิวมาเอาชนะได้ โดยเฉพาะวิวในมุมสูงที่ยอดเขาที่มีหิมะปกคลุม และแน่นอนว่า การนั่งเฮลิคอปเตอร์ชมวิวกลายเป็นสิ่งที่เราประทับใจมากที่สุดในเที่ยวในเมืองนี้

โดยช่วงหน้าร้อนคนท้องถิ่นที่นี่มักจะออกมาทำกิจกรรมข้างนอกเพราะหิมะในทะเลสาบเริ่มละลาย กิจกรรมยอดนิยมคือการพายเรือคายัค เพราะทะเลสาบที่นี่สวยมาก ทุกวันหยุดจะมีรถลากเรือคายัคมาจอดเรียงกันเพื่อพายคายัคกัน ส่วนกลางคืนอากาศเริ่มเย็นกิจกรรมยอดนิยมคงหนีไม่พ้นการผิงไฟและทำบาร์บีคิว เรียกได้ว่าทุกคืนจะต้องมีบ้านหลังไหนสักหลังทำบาร์บีคิวอย่างแน่นอน

ข้อสรุป: ประสบการณ์และความทรงจำ

ก่อนอื่น เราได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการใช้ชีวิตที่รัฐอลาสก้าผ่านโครงการ Work and Travel ซึ่งก่อนสมัครโครงการดังกล่าว หลายคนจะเชื่อว่า โครงการ Work and Travel มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นการไปทำงานเพื่อจะรวยแล้วนำเงินกลับมาไทย แต่มีเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่จะสามารถทำเงินจากโครงการนี้ได้ เราก็เป็นหนึ่งในคนส่วนมากที่ไม่ได้เงินกลับมาเลย

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ได้ คือ ประสบการณ์ที่น่าจดจำ มิตรภาพที่ยังติดต่อกันจนถึงทุกวันนี้ ภาษาและการได้ออกไปสำรวจโลก จึงถือว่านี่คือ การเสียเงินเพื่อซื้อประสบการณ์ที่คุ้มที่สุด เวลาเกือบ 3 เดือนผ่านไปไวมาก และประสบการณ์ Work and Travel ที่ Healy ณ รัฐ Alaska เป็นช่วงเวลาที่เปลี่ยนชีวิตเราไปเลย ได้เรียนรู้การใช้ชีวิต การทำงาน การเอาตัวรอดในสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง ได้มิตรภาพใหม่ ๆ และแน่นอนว่านี่คือการเรียนรู้นอกห้องเรียน เราได้ประสบการณ์เยอะมากในระยะเวลาช่วงฤดูร้อน นี้ และนี่คงเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่จะอยู่กับเราไปอีกนาน

อิงฟ้า พันธ์งาม
นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สนใจเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศและชอบท่องเที่ยว