เป็นเวลากว่าหลายทศวรรษแล้วที่ชะตากรรมของประเทศไทยที่ไม่ต่างไปจากรถที่กำลังติดหล่ม การก้าวต่อไปข้างหน้าพร้อมกับชาติอื่นๆ หรือการหันหลังกลับไปเริ่มต้นพัฒนาประเทศใหม่เป็นเรื่องที่ทำได้ยากยิ่ง เช่นเดียวกับการประคองตัวให้อยู่รอดด้วยบุญเก่าที่สั่งสมมา นับวัน บุญเก่าเหล่านี้ก็เริ่มร่อยหรอลงไปทุกที โดยไม่มีแม้แต่โอกาสได้สร้างบุญใหม่ๆเก็บไว้ เป็นเหตุให้เมื่อเวลาผ่านไป โครงสร้างเศรษฐกิจไทยจึงเริ่มเปราะบางและสั่นคลอนลงจนน่าวิตกกังวล ดังนั้นเพื่อความอยู่รอดของระบบเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืนในระยะยาว ทางออกเดียวที่สามารถทำได้คือ การเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ “ล้าสมัย” ให้เท่าทันกระแสของโลกที่กำลังหมุนไปมากขึ้น โดยอาศัยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาปรับใช้ในภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจ SMEs เพื่อพัฒนาศักยภาพการผลิตและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในเวทีระดับโลก
ในช่วงที่โลกกำลังฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่อย่างการแพร่ระบาดของโรค COVID – 19 นี้ ถือได้ว่าเป็นโอกาสอันดีสำหรับการขึ้นมาจากหล่มและไล่ตามให้ทัน สมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์จึงได้จัดงานสัมมนาประจำปีขึ้นในหัวข้อ “ทางรอด 2022 Survival Guide” เพื่อร่วมหาทางออกสำหรับปี 2565 ที่จะมาถึง สมาคมฯ ได้รับเกียรติจากวิทยากรจากหลากหลายวงการจำนวน 5 ท่าน คือ
1. ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI)
2. คุณสมคิด จิรานันตรัตน์ อดีตประธานกรรมการ กสิกร บิซิเนส เทคโนโลยี กรุ๊ป (KTBG) และอดีตที่ปรึกษากรรมการผู้จัการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
3. ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร รองคณบดี คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
4. คุณฐากร ปิยะพันธ์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เครือไทยโฮลดิ้งส์
5. คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด

เป็นที่ทราบกันดีว่า ตลอดช่วง 2 ปีแห่งการแพร่ระบาดของโรค COVID - 19 เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทต่อวิถีชีวิตของผู้คนมากขึ้น ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเพิ่มผลิตภาพการผลิตในกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ อีกต่อไป แต่ได้แทรกซึมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งชีวิตประจำวัน ด้วยเหตุนี้ วิทยากรผู้คร่ำวอดในวงการเทคโนโลยีมายาวนานอย่างคุณสมคิดจึงคาดการณ์ไว้ว่า บทบาทของเทคโนโลยีที่มีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทยจะไม่จำกัดอยู่เพียงผู้สนับสนุนเท่านั้น แต่จะเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นตัวเอกอย่างเป็นทางการด้วย ทำให้หลังจากนี้ไปเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะเผชิญหน้ากับกระแสที่มาจากลักษณะอันเฉพาะตัวของเศรษฐกิจดิจิทัล 5 ประการ
ประการแรก Boundless หรือ ที่ไร้ข้อจำกัด ในปัจจุบัน ผู้เล่นรายใหญ่ของระบบเศรษฐกิจได้เริ่มนำคุณสมบัติข้อนี้มาสร้างประโยชน์ให้กับตนเอง อันจะเห็นได้ชัดจากการขยายรูปแบบการให้บริการบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่มุ่งพัฒนาให้มีความครอบคลุมและหลากหลายมากยิ่งขึ้น เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันจากบรรดาข้อมูลส่วนบุคคลและพฤติกรรมการบริโภคของผู้ใช้บริการที่จะถูกแปรรูปให้เป็นสินทรัพย์ทรงมูลค่าสำหรับการพัฒนาในเวลาต่อมา
ประการที่ 2 Autonomous คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ทุกวันนี้ วิถีชีวิตประจำวันของคนเรา มีAutonomous Process เป็นอีกหนึ่งกระบวนการสำหรับการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อันจะเห็นได้จากกิจกรรมการลงทุนรูปแบบต่างๆที่การซื้อ – ขาย และครอบครองเป็นเจ้าของสามารถทำได้ครบจบในแอพพลิเคชันเดียวภายในเวลาเพียงเสี้ยววินาที ด้วยเหตุนี้ คุณสมคิดจึงแนะนำภาคธุรกิจไทยว่า การออกแบบเพื่อการพัฒนาเทคโนโลยีต่อจากนี้ไป ไม่ควรยึดติดกับภาพปัจจุบันมากนัก แต่ควรให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายของลูกค้า ซึ่งจะเป็นผู้ใช้งานต่อไปในอนาคตมากกว่า
ประการต่อมา Borderless จากกระแส Block Chian และ Cryptocurrency ที่กำลังมาแรงในช่วงหลายปีที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่า การแข่งขันทางเศรษฐกิจสามารถทำได้อย่างเสรี กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ถูกบัญญัติขึ้นมาเพื่อควบคุมความเป็นไปของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศกำลังจะไม่มีสภาพบังคับอีกต่อไป ทำให้หลังจากนี้ คุณสมคิดมองว่า แพลตฟอร์มต่างประเทศจะเริ่มเข้ามาตีตลาดไทยมากขึ้น ดังนั้น ทางรอดเดียวของภาคธุรกิจไทย คือ การกลบจุดอ่อนและสร้างจุดแข็งด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันบนเวทีระดับโลก
ประการที่ 4 Disintermediation หรือ การด้อยค่าลงของตัวกลาง ปรากฏการณ์นี้เป็นผลมาจากความสามารถของเทคโนโลยีที่เพิ่มสูงขึ้นจนสามารถเข้ามาแทนที่บทบาทของตัวกลางได้ผ่านการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆเข้ามาสร้างกระบวนการทางเศรษฐกิจรูปแบบต่าง ๆ โดยใช้ต้นทุนที่ต่ำกว่าการดำเนินงานของตัวกลาง ดังจะเห็นได้จากบทบาทของธนาคารในภาคการเงินที่เริ่มถูกลดความสำคัญลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ประการสุดท้าย Imagination หรือ จินตนาการ ในช่วงปี 2564 ที่ผ่านมา Metaverse เป็นอีกหนึ่งคำศัพท์ที่ถูกบัญญัติขึ้นมาใหม่เพื่อใช้ในการอธิบายโลกเสมือนจริงที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งมีคุณสมบัติในการสร้างเสริมประสบการณ์เหนือจินตนการที่มีผลต่อจิตใจมนุษย์เป็นสำคัญ ทำให้ หาก Metaverse เปิดตัวให้บริการอย่างเป็นทางการ คุณสมคิดคาดการณ์ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในชีวิตจริง มีแนวโน้มจะลดน้อยลง เพราะผู้คนได้หันไปเป็นตัวละครหนึ่งในโลกเหนือจินตนาการดังกล่าวมากขึ้น
นอกจากประเด็นทางด้านเทคโนโลยี อีกหนึ่งความท้าทายที่ประเทศไทยมีแนวโน้มจะประสบกับความเปลี่ยนแปลงในปี 2565 คือ ผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา อันถูกสะท้อนผ่านสถานการณ์ภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกาที่พุงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2564 ที่ผ่านมา ดร.อาร์มคาดการณ์ว่า เป็นผลมาจากปัจจัยทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ 3 ประการ
1. ต้นทุนการผลิตสินค้าจากประเทศจีนเพิ่มสูงขึ้นเพราะกระแสการใช้พลังงานสะอาดประกอบกับการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้ประชากรวัยแรงงานที่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานภายในประเทศได้ เริ่มขาดแคลน
2. การแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องของสกุลเงินหยวน ซึ่งถ้าหากปล่อยไว้ในระยะยาว เพดานเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกาก็จะยิ่งถูกดันให้สูงขึ้นไปอีก จนอาจส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกที่กำลังฟื้นตัว หยุดชะงักลงอีกครั้ง เพราะมาตรการดอกเบี้ยที่สหรัฐอเมริกานำออกมาใช้เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว
3. ผลกระทบต่อระบบการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสกุลเงินดิจิทัลต่างๆที่กำลังได้รับความนิยมอย่างยิ่งในขณะนี้
ดังนั้น เพื่อความอยู่รอดของระบบเศรษฐกิจไทยที่พึ่งพิงตลาดทั้ง 2 ประเทศมาโดยตลอด กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ภายในประเทศ จึงจำเป็นต้องอ่านเกมให้ขาดและตีเทรนให้แตก เพื่อลดแรงสั่นสะเทือนจากสงครามที่เกิดขึ้น เพราะระดับความรุนแรงและลำดับการได้รับผลกระทบจะขึ้นอยู่กับขนาดและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศของประเทศนั้น ๆ เป็นหลัก
ไม่เพียงแค่สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาเท่านั้นที่จะมาสั่นคลอนโครงสร้างเศรษฐกิจไทย แต่ยังมีประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะการขาดแคลนแรงงานในท้ายที่สุด หากประเทศไทยไม่สามารถปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินธุรกิจให้มีความสอดรับกับสังคมสูงวัยที่กำลังจะมาถึงในเร็ววัน คุณฐากรจึงได้แนะนำให้ภาคธุรกิจไทยลองผ่านคลายนโยบายเกี่ยวกับแรงงานต่างชาติดู เพราะที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยมีแรงงานเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อน ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในเมืองเป้าหมายสำหรับชีวิตวัยเกษียณ ทำให้คุณฐากรมองเห็นโอกาสในการพัฒนาแผนธุรกิจให้มีความเฉพาะตัว โดยนำนวัตกรรม เทคโนโลยี และงานสร้างสรรค์ต่างๆมาเป็นแรงสนับสนุนสำคัญในการเชื่อมต่อกับภาคส่วนอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มจะฟื้นตัวขึ้นมา หลังการแพร่ระบาดของโรค COVID – 19 เริ่มคลี่คลาย